ถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (Covid-19) ในฝรั่งเศส ประจำวันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม 2563

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส ขอสรุปสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (Covid-19) ในฝรั่งเศส 🇫🇷 ดังนี้

1.สถิติวันศุกร์ที่ 1 พ.ค. 2563 (เวลา 14.00 น.)

– ยอดผู้ป่วยติดเชื้อจากการตรวจ Test PCR จำนวน 130,185 ราย (เพิ่มขึ้น 604 ราย) ซึ่งรวมข้อมูลผู้ที่พบการติดเชื้อจากการตรวจ test PCR ในบ้านพักคนชราแล้ว แต่ไม่รวมผู้ที่สงสัยว่าติดเชื้อแต่มิได้ทำการตรวจ test

– รักษาอยู่ที่ รพ. 25,887 ราย โดยเป็นผู้ป่วยรายใหม่ 668 ราย นับเป็นวันที่ 17 ติดต่อกันที่มีจำนวนผู้ป่วยรักษาตัวที่ รพ. น้อยลง (396 ราย) และรักษาหายออกจาก รพ. แล้วมากกว่า 50,212 ราย (เพิ่มขึ้น 862 ราย)

– อาการหนัก 3,878 ราย โดยเป็นผู้ป่วยรายใหม่ 73 ราย นับเป็นวันที่ 23 ติดต่อกันที่ยอดรวมของผู้ป่วยอาการหนักลดลงจากวันก่อนหน้า (จำนวน 141 ราย)

– เสียชีวิตที่ รพ. 15,369 ราย (เพิ่มขึ้น 125 ราย) เสียชีวิตที่บ้านพักคนชราและที่ศูนย์การแพทย์สังคม (établissements médico-sociaux) 9,225 ราย (เพิ่มขึ้น 93 ราย) **รวมผู้เสียชีวิตทั้งหมด 24,594 ราย ** (เพิ่มขึ้น 218 ราย)

2. อธิบดีกรมสาธารณสุขขอแก้ไขข้อมูลในแผนที่ที่ได้เผยแพร่เมื่อวาน สำหรับ จ. ดังต่อไปนี้ Aisne, Calvados, Cher, Dordogne, Lot, Nièvre, Oise, Tarn และ Haute Corse และได้ update ข้อมูลในแผนที่ต่าง ๆ สำหรับวันที่ 1 พ.ค. ดังนี้

(1) แผนที่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ซึ่งคำนวณจากจำนวนผู้ติดต่อแผนกฉุกเฉินของ รพ. ซึ่งต้องสงสัยว่าอาจติดเขื้อไวรัส covid-19 แบ่งเป็นพื้นที่ จ. สีเขียว (ร้อยละ 0-6) สีส้ม (ร้อยละ 6-10) และสีแดง (ร้อยละ 10-100) ได้แก่
– จ. Aisne กลายเป็นพื้นที่สีส้ม (เดิมสีแดง)
– จ. Calvados กลายเป็นพื้นที่สีเขียว (เดิมสีส้ม)
– จ. Cher กลายเป็นพื้นที่สีเขียว (เดิมสีแดง)
– จ. Dordogne กลายเป็นพื้นที่สีเขียว (เดิมสีส้ม)
– จ. Haute Corse, จ. Lot และ จ. Nièvre กลายเป็นพื้นที่สีเขียว (เดิมสีแดง)
– จ. Oise กลายเป็นพื้นที่สีส้ม (เดิมสีเขียว)
– จ. Tarn กลายเป็นพื้นที่สีเขียว (เดิมสีส้ม)

(2) แผนที่อัตราการรักษาผู้ป่วยอาการหนักด้วยโรค covid-19 ที่ รพ. แบ่งเป็น พื้นที่ จ. สีเขียว (ร้อยละ 0-60) สีส้ม (ร้อยละ 60-80) สีแดง (ร้อยละ 80-161)

(3) แผนที่ประมวลข้อมูลข้อ 1-2 ซึ่งจะเป็นพื้นที่สีแดงหากเป็นพื้นที่สีแดงอย่างน้อยตามแผนที่ข้อ 1 หรือ 2 หรือทั้งสองข้อ และตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค. จะมีข้อมูลเกี่ยวกับจำนวน test kits ในแต่ละพื้นที่
– จ. Aisne ยังคงเป็นพื้นที่สีแดง
– จ. Calvados กลายเป็นพื้นที่สีเขียว
– จ Cher เป็นพื้นที่สีส้ม
– จ. Dordogne, จ. Haute Corse, จ. Lot, จ. Tarn และ จ. Nièvre กลายเป็นพื้นที่สีเขียว
– จ. Oise เป็นพื้นที่สีแดง

ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวจะเสนอให้รัฐบาลพิจารณาในวันที่ 7 พ.ค.2563 เพื่อกำหนดพื้นที่สีแดง 🔴 หรือสีเขียว 💚 ซึ่งจะมีการกำหนดมาตรการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่

3. การทยอยเปิดสถานศึกษาในกรุงปารีส

รองนายกเทศมนตรีกรุงปารีสซึ่งรับผิดชอบด้านการศึกษา (นาย Patrick Bloche) แจ้งว่าได้ใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งในการทยอยเปิดสถานศึกษาในกรุงปารีส โดยได้วางแผนให้เริ่มทยอยเปิดสอนในวันที่ 13 หรือ 14 พ.ค. และให้มี นร. เพียง 5 – 10 คนในชั้นอนุบาล และ 12 คนในชั้นประถมศึกษา ซึ่งอย่างน้อยในช่วงสามสัปดาห์แรกจะรับสอนเฉพาะบุตรของผู้ปกครองบางอาชีพ (อาทิ บุคลากรทางการแพทย์และผู้ทำงานด้านการขนส่งสาธารณะ) หรือกรณีผู้ปกครองทั้งสองไม่สามารถทำงานจากที่พักได้ หรือผู้ปกครองเลี้ยงเดี่ยว และ นร. ที่มีปัญหาไม่สามารถเรียนทางไกลได้ โดยกรุงปารีสกำลังสำรวจจำนวนบุคลากรในสถานศึกษาต่าง ๆ ในกรุงปารีสว่ามีเพียงพอหรือไม่ ส่วน รร. ม.ต้น จะต้องรอดูพัฒนาการว่ากรุงปารีสจะยังถูกกำหนดเป็นพื้นที่สีแดง 🔴 ในวันที่ 7 พ.ค. หรือไม่ ซึ่งหากยังคงเป็นพื้นที่สีแดงก็จะยังไม่สามารถเปิด รร. ม.ต้นได้ในวันที่ 18 พ.ค.2563

4. การช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ

ณ วันที่ 1 พ.ค. 2563 มีชาวฝรั่งเศสอยู่ภายใต้มาตรการพักงานโดยยังได้รับเงินเดือนอยู่ (chômage partiel) ถึง 13.4 ล้านคน โดยมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นถึง 2 ล้านคนในวันนี้เนื่องจากเป็นผู้ที่เคยอยู่ภายใต้ระบบการลาป่วย (เพื่อเลี้ยงดูบุตรหรือเป็นบุคคลกลุ่มเสี่ยง ซึ่งไม่สามารถทำงานจากที่พักได้) แต่ได้ถูกย้ายมาอยู่ภายใต้มาตรการ chômage partiel เป็นผลให้ปัจจุบัน รัฐบาลฝรั่งเศสมีภาระให้เงินช่วยเหลือแก่ประชาชนที่มีอายุมากกว่า 20 ปี ถึงร้อยละ 76 (38.6 ล้านคน) แบ่งเป็น (1) ผู้อยู่ภายใต้มาตรการ chômage partiel 13.4 ล้านคน (2) ผู้ว่างงาน 2.4 ล้านคน (3) ผู้ที่ไม่มีรายได้และได้รับเงินช่วยเหลือขั้นต่ำ (revenu de solidarité active-RSA) 1.9 ล้านคน (4) ข้าราชการ 5.6 ล้านคน (5) ผู้ที่เกษียณอายุแล้วและได้รับเงินบำนาญ 14.5 ล้านคน และ (6) ผู้ประกอบการรายย่อยและอาชีพอิสระที่ได้เงินช่วยเหลือจากกองทุน fonds de solidarité 8 แสนคน โดยคาดว่าหากกิจกรรมทางเศรษฐกิจกระเตื้องขึ้นภายในช่วงฤดูร้อนนี้ รัฐบาลจะสามารถลดการขาดดุลงบประมาณลงได้เหลือประมาณ 1.8 แสนล้านยูโร หรือคิดเป็นร้อยละ 9.1 ของ GDP

5. ผลกระทบต่อการรถไฟฝรั่งเศส (SNCF)

หลังจากที่ บ. SNCF ได้สูญเสียรายได้กว่า 1 พันล้านยูโรจากการประท้วงของพนักงานเป็นระยะเวลาสี่เดือนเมื่อปีที่แล้ว บ.ก็ได้รับผลกระทบจากวิกฤติ covid-19 ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาเช่นกัน โดยเมื่อเดือน มี.ค. 2563 ได้สูญเสียรายได้ 700 ล้านยูโรและเดือน เม.ย. สูญเสียรายได้ 1.4 พันล้านยูโร ซึ่งคาดว่าจะยังคงสูญเสียรายได้ในช่วงต้นเดือน พ.ค. เช่นเดียวกัน รวมเป็นเงินเกือบ 3 พันล้านยูโร ทั้งนี้ ตั้งแต่กลางเดือน มี.ค.
มีรถไฟความเร็วสูงให้บริการเพียงร้อยละ 7 และมีผู้โดยสารเพียงวันละ 3,000 คนจากปกติวันละ 350,000 คน และมีรถไฟ TER และ Transilien ให้บริการเพียงร้อยละ 20 และมีผู้โดยสารเพียงร้อยละ 2-4 ของจำนวนผู้โดยสารปกติ

นอกจากนี้ บ. SNCF ยังต้องเตรียมการการให้บริการรถไฟในช่วงตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค. ซึ่งเริ่มมีการสำรองที่นั่งรถไฟ TGV แล้วจำนวนมาก แต่ในขณะเดียวกันรัฐบาลประสงค์จะจำกัดการเดินทางระหว่างจังหวัด/แคว้นในช่วงต้นของการผ่อนปรมาตรการห้ามออกจากที่พัก โดยจะอนุญาตให้สามารถเดินทางโดยรถไฟได้เพียงเพื่อไปทำงานหรือมีเหตุผลจำเป็นทางครอบครัวเท่านั้น และยังต้องรักษาระยะห่างระหว่างผู้โดยสารในรถไฟ เป็นผลให้ต้องเว้นที่นั่งหนึ่งที่ไม่ให้ผู้โดยสารนั่งติดกันในแต่ละขบวนด้วย ในขณะที่จะต้องเตรียมเพิ่มให้บริการรถไฟ TER และ Transilien เพื่อให้สามารถรองรับผู้โดยสารและรักษาระยะห่างระหว่างผู้โดยสารในขบวนได้ดีมากขึ้น โดยยังคงต้องเว้นที่นั่งหนึ่งที่ในทุกขบวน

ในชั้นนี้ ยังไม่มีความแน่ชัดว่ารัฐบาลฝรั่งเศสจะสามารถให้ความช่วยเหลือแก่ บ. SNCF ได้เพิ่มเติมมากเพียงใด เนื่องจากเมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2562 รัฐบาลได้ตัดสินใจรับภาระหนี้สินส่วนใหญ่ของ บ. จำนวนรวม 3.5 หมื่นล้านยูโรแล้ว เพื่อเตรียมพร้อมการเปลี่ยนสถานะทางกฎหมายของ บ. จากหน่วยงานสาขาอุตสาหกรรมและพาณิชย์ของรัฐ (établissement public à caractère industriel et commercial-EPIC) เป็น บ. เอกชนที่รัฐเป็นผู้ถือหุ้น (Société anonyme à capitaux publics) เมื่อวันที่ 1 ม.ค.2563 เพื่อเตรียมการเปิดตลาดแข่งขันของการรถไฟในยุโรปในปี 2564

6. ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์

อุตสาหกรรมยานยนต์ของฝรั่งเศสยังคงได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างมากจากวิกฤติ covid-19 ในช่วงเดือน เม.ย.2563 โดยกลุ่มผู้ประกอบการผลิตรถยนต์ฝรั่งเศส (Comité des Constructeurs Automobiles Français-CCFA) แจ้งว่ามีการจดทะเบียนรถยนต์คันใหม่ลดลงถึง 88.84% ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ และมีการส่งมอบรถยนต์คันใหม่ให้แก่ผู้สั่งซื้อเพียง 20,997 คัน (ในขณะที่มีการส่งมอบรถยนต์เดือน เม.ย.2562 จำนวน 188,195 คัน) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการส่งมอบให้แก่บุคลากรทางการแพทย์และ จนท. ตร.

ผู้ประกอบการผลิตรถยนต์ทุกยี่ห้อได้รับผลกระทบทั้งสิ้น อาทิ Toyota (มีการจดทะเบียนรถยนต์คันใหม่ลดลง 96.67% และได้ส่งมอบรถยนต์เพียง 274 คัน) Volkswagen (ลดลง 96%) กลุ่ม PSA (Citroën, Peugeot, DS และ Opel) (ลดลง84.3%) Renault (ลดลง 81%) ส่วน Maserati และ Rolls-Royce ไม่ได้ส่งมอบรถยนต์เมื่อเดือน เม.ย.

7. การกำหนดราคาหน้ากากอนามัย

เมื่อวันที่ 1 พ.ค.2563 รมช.ก.เศรษฐกิจและการคลัง แจ้งว่า รัฐบาลได้กำหนดราคาขายหน้ากากอนามัย (masques chirurgicaux) ไม่ให้เกิน 0.95 ยูโร/ชิ้น แต่ในชั้นนี้ยังไม่มีการกำหนดราคาขายหน้ากากผ้าโดยได้สั่งการให้มีการตรวจสอบคุณภาพและสำรวจราคาขายหน้ากากผ้ารุ่นต่าง ๆ ในท้องตลาด 😷

ข่าว-กิจกรรม ที่น่าสนใจอื่นๆ